พ.ศ.2325
ได้อัญเชิญเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อเดือนมิถุนายน ในขณะมีพระชนมายุได้ 45 พรรษา ทรงย้ายราชธานีมาอยู่บางกอก บนฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาฟากตะวันออก ขนานนามว่า กรุงรัตนโกสินทร์ ทรงให้ขุดคลองบางลำพู หรือคลองโอ่งอ่าง เป็นคูพระนคร สร้างกำแพงเมือง และป้อมตามแนวคลองคูเมืองใหม่ และตั้งเสาหลักเมือง สร้างหอกลองขึ้นที่หน้าวัดโพธิ์
พ.ศ.2327
โปรดฯ ให้สร้างเทวสถานโบสถ์พราหมณ์เสาชิงช้า สร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) และอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐาน
พ.ศ.2328
เกิดศึก " เก้าทัพ " ที่พม่ายกทัพเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ พม่ายกทัพลงไปตีเมืองถลาง คุณหญิงจันทร์ กับน้องสาว ชื่อมุก รบพม่าป้องกันเมืองไว้ได้ ทรงตั้งคุณหญิงจันทร์ เป็นท้าวเทพกษัตรี และนางมุก เป็นท้าวศรีสุนทร
พ.ศ.2329
เสียเกาะหมากให้อังกฤษ (เสียดินแดนครั้งที่ 1)
พ.ศ.2331
สังคยานาพระไตรปิฎก นับเป็นครั้งที่ 9
พ.ศ.2336
เสียมะริด ทะวาย และตะเนาศรี ให้อังกฤษ (เสียดินแดนครั้งที่ 2)
พ.ศ.2338
เชิญพระพุทธสิหิงค์จากเชียงใหม่ มาไว้ที่วังหน้า หรือพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
พ.ศ.2347
ทรงตั้งข้าราชการ และผู้รู้หลายท่านให้รวบรวม และชำระกฎหมาย ซึ่งกระจัดกระจายหายสูญไป ในคราวเสียกรุงศรีอยุธยา ประมาณ 9 ส่วน เหลือเพียงส่วนเดียวนั้น ให้เรียบร้อยถูกต้องดั่งเดิม แล้วให้เขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ได้ใช้เป็นระเบียบราชการ มาจนถึงรัชกาลที่ 5 คือ ที่เรียกกันในขณะนี้ คือ กฎหมายตราสามดวง (ตราราชสิงห์ คชสีห์ และบัวแก้ว)
พ.ศ.2350
สร้างวัดสุทัศน์
พ.ศ.2351
เชิญพระศรีศากยมุนี จากเมืองสุโขทัย มาให้ประดิษฐานอยู่ใจกลางพระนคร
พ.ศ.2352
รัชกาลที่ 1 เสด็จสวรรคต
พ.ศ.2362
ฉลองวัดอรุณราชวราราม เกิดอหิวาตกโรคระบาดครั้งใหญ่ โปรดให้ประกอบพระราชพิธี อาพาธพินาศ สังคายนาสวดมนต์ โปรตุเกสตั้งสถานกงศุลเป็นแห่งแรก
พ.ศ.2367
รัชกาลที่ 2 เสด็จสวรรคต
พ.ศ.2368
เฮนรี่ เบอร์นี่ เข้ามาขอเจรจาทำสัญญาค้าขาย
พ.ศ.2369
เจ้าอนุวงศ์เป็นกบฎ กำเนิดวีรกรรม ท้าวสุรนารี (คุณหญิงโม)
พ.ศ.2474
เกิดน้ำท่วมใหญ่ ที่เรียกว่า น้ำท่วมปีเถาะ
พ.ศ.2375
เอ็ดมันด์ โรเบิร์ด เข้ามาขอทำสัญญาการค้าไทย - อเมริกา เป็นครั้งแรก
พ.ศ.2378
หมอบรัดเลย์ มาถึงไทยนำแท่นพิมพ์หนังสือ กับตัวพิมพ์มาด้วย
พ.ศ.2387
พวกมิชชันนารี ทำหนังสือพิมพ์ข่าวเป็นภาษาไทยขึ้น เป็นครั้งแรก ใช้ชื่อหนังสือพิมพ์ บางกอกรีคอเดอร์
พ.ศ.2392
เกิดอหิวาตกโรคระบาด ที่เรียกว่า ห่าลงปีระกา มีคนล้มตายหลายหมื่นคน
พ.ศ.2394
เริ่มรัชกาลที่ 4 เริ่มมีการสวมเสื้อ ในเวลาเข้าเฝ้า สตรีในคณะมิชชันนารี เข้าไปสอนภาษา ในพระบรมมหาราชวัง
พ.ศ.2400
ส่งฑูตไปเจริญทางพระราชไมตรี ยังประเทศอังกฤษ กำเนิดเครื่องราชอิสริยาภรณ์ รุ่นแรกของไทย เริ่มออกหนังสือราชกิจจานุเบกษา เริ่มสร้างกำปั่นรบกลไฟ
พ.ศ.2404
โปรดฯ ให้สร้างถนนเจริญกรุงตอนใต้ ที่เรียกว่า ถนนตก และถนนสีลม ในรัชกาลสมัยนี้ ได้เปลี่ยนใช้เงินตราใหม่ เป็นเงินเหรียญ ทั้งเงินบาท เงินสลึง และเงินเฟื้อง กับทำเหรียญทองแดง อันละโสฬส อันละอัฐ อันละซีก เรียกว่าไพ เป็นเงินย่อยแทนเบี้ย
พ.ศ.2405
นางแอนนา เลียวโนเวนส์ เข้ามารับราชการครู สอนภาษาอังกฤษ ในราชสำนัก
พ.ศ.2406
โปรดฯ ให้สร้างถนนบำรุงเมือง สร้างพระเจดีย์ใหญ่ ซึ่งค้างตั้งแต่รัชกาลที่ 3 โดยให้สร้างฐานเป็นภูเขา แล้วสร้างพระเจดีย์ไว้บนยอด เรียกว่า พระบรมบรรพต (ภูเขาทอง) และในปีนี้เริ่มมีเงินกระดาษออกใช้
พ.ศ.2410
ตั้งเซอร์ จอห์นเบริง เป็นเอกอัครราชฑูตไทย ประจำยุโรป
พ.ศ.2411
เสด็จทอดพระเนตร สุริยุปราคามิดดวงที่หว้ากอ เมืองประจวบคีรีขันธ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองราชย์
พ.ศ.2416
รัชกาลที่ 5 มีพระชนมายุครบ 20 พรรษา เสด็จออกทรงผนวช เมื่อทรงลาผนวช ทรงว่าราชการสิทธิ์ขาดด้วยพระองค์เอง เลิกประเพณีหมอบคลานเข้าเฝ้า ตั้งหอรัษฎากรพิพัฒน์ การตั้งหอรัษฎากรพิพัฒน์ เป็นการจัดการรั่วไหลของภาษีอากร ซึ่งพวกเจ้านาย และขุนนางบางคน มีผลประโยชน์จากภาษีอากรนี้ และยังเป็นการรวบรวมเงินของรัฐบาล เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินการ ปฎิรูปการปกครอง
พ.ศ.2417
ตั้งสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน (Council of state) หรือรัฐมนตรีสภา ประกอบด้วย เจ้านาย และขุนนางอาวุโส 20 คน และองคมนตรีสภา (Privy Council) ตราพระราชบัญญัติพิกัดเกษียน อายุลูกทาส ลูกไทย
พ.ศ.2425
ฉลองพระนครครบรอบ 100 ปี เมอสิเออร์เดอร เลสเซป ที่ขุดคลองสุเอช เข้าเฝ้าจะขอขุดคลองคอคอดกระ แต่ระงับไป
พ.ศ.2429
สถาปนาสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ เป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามราชกุมาร
พ.ศ.2430
ตั้งกรมศึกษาธิการ ตั้งกรมยุทธนาธิการ (กระทรวงกลาโหม) กำเนิดโรงเรียนนายร้อยทหารบก
พ.ศ.2431
เสียแคว้นสิบสองจุไทยให้ฝรั่งเศส (เสียดินแดนครั้งที่ 8)
พ.ศ.2433
ประกาศใช้ศักราชใหม่ เรียกว่า " รัตนโกสินทรศก " เป็นรัตนโกสินทรศก 108 และใช้วันทางสุริยคติ ในทางราชการ
พ.ศ.2435
ตั้งกระทรวงครั้งใหญ่ 12 กระทรวง กำเนิดโรงเรียนฝึกหัดครูแห่งแรก ตั้งศาลโปริสภา ส่งนักเรียนไปศึกษาวิชาทหาร ในยุโรปรุ่นแรก
พ.ศ.2436
เปิดรถไฟเอกชนสายปากน้ำ ฉลองพระไตรปิฎก ฉบับพิมพ์ครั้งแรก ตั้งมหามกุฎราชวิทยาลัย กำเนิดสภาอุนาโลมแดง (สภากาชาดไทย)
พ.ศ.2437
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศสยามกุฎราชกุมารทิวงคต โปรดให้สถาปนาเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ เป็นสยามมกุฎราชกุมารแทน
พ.ศ.2442
เริ่มสร้างทางรถไฟสายใต้ และสร้างถนนราชดำเนินนอก
พ.ศ.2448
โปรดฯ ให้เลิกทาส
พ.ศ.2449
ยกเมืองเสียมราฐ และเมืองพระตะบอง เมืองศรีโสภณ หรือมณฑลบูรพา ให้ฝรั่งเศส แลกกับเมืองตราด (เสียดินแดนครั้งที่ 12)
พ.ศ.2451
ยกเมืองไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู และปะลิส ให้อังกฤษ (เสียดินแดนครั้งที่ 13) ปีนี้ได้เริ่มใช้มาตราการเงินใหม่ มีอัตรา 1 บาท เท่ากับ 100 สตางค์
พ.ศ.2453
พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองราชย์
พ.ศ.2454
ทรงตั้งกองเสือป่า และกองลูกเสือขึ้นในปีนี้ ได้เกิดกบฎ ร.ศ.130 ซึ่งเป็นกลุ่มที่เสนอ แนวทางปฏิวัติประชาธิปไตย ทรงพระกรุณาลดโทษ พวกกบฎเรื่อยมา จนในที่สุดได้ปล่อยจนหมด
พ.ศ.2455
เปลี่ยนใช้ศักราชใหม่เป็น " พุทธศักราช "
พ.ศ.2459
โปรดฯ ให้เลิกหวย ก.ข. และปีต่อมา โปรดฯ ให้เลิกโรงบ่อนเบี้ยจนหมด
พ.ศ.2460
ประกาศสงคราม เข้ากับฝ่ายสัมพันธมิตรรบเยอรมัน เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม และส่งทหารไปฝรั่งเศส ได้เปลี่ยนธงชาติ เป็น ธงไตรรงค์ ในปีนี้ได้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ขึ้น
พ.ศ.2461
ทรงทำการทดลอง การปกครองแบบประชาธิปไตย โดยจัดตั้งเมืองจำลองดุสิตธานี เป็นนครประชาธิปไตยขึ้น มีรัฐธรรมนูญ และมีสภา
พ.ศ.2462
ไทยได้ร้องขอนานาประเทศ ให้เปลี่ยนแปลงสัญญาที่ทำกันไว้ ในเรื่องการศาล และเรื่องภาษี ร้อยชักสาม เพื่อให้ไทยมีอิสระในการศาล และการภาษีอากร สหรัฐอเมริกาตกลงยินยอม แต่นานาประเทศในยุโรปยังไม่ได้ตกลง
พ.ศ.2468
โปรดฯ ตั้ง ดร.ฟรานซิส บี.แซร์ ชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นที่ปรึกษาราชการต่างประเทศ เป็นพระยากัลยาณไมตรี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ เสด็จสวรรคต
พ.ศ.2469
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ไทยมีอิสระเต็มที่ในทางการศาล และการเก็บภาษีอากร
พ.ศ.2475
พิธีฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ตั้งมาครบรอบ 150 ปี และเปิดสะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ วันที่ 24 มิถุนายน เปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช เป็น ระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์ อยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ
พ.ศ.2477
สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว สละราชสมบัติ รัฐสภาได้มีมติอัญเชิญพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล ขึ้นครองราชย์
พ.ศ.2489
รัชกาลที่ 8 เสด็จสวรรคตด้วยพระแสงปืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น