วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

หลุมอุกกาบาตใหม่ในอียิปต์

หลุมอุกกาบาตใหม่ในอียิปต์ (27 มิถุนายน 2549)




ภาพสีประกอบจากดาวเทียมแสดงหลุมเคบิร่าในทะเลทรายทางตะวันตกของอียิปต์ ขอบนอกของเคบิร่ามีเส้นผ่าศูนย์กลาง 31 กิโลเมตร หลุมที่เพิ่งค้นพบแห่งนี้มีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของหลุม Aorounga ซึ่งเคยเป็นหลุมที่ใหญ่ที่สุดในทะเลทรายซาฮาร่า

นักวิทยาศาสตร์ใช้ภาพจากดาวเทียมศึกษาทะเลทรายทางตะวันตกของอียิปต์และได้ค้นพบหลุมอุกกาบาตที่ใหญที่สุดเท่าที่เคยพบในทะเลทรายซาฮาร่า การค้นพบนี้สนับสนุนสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์หลายคนสงสัยมานานถึง 75 ปีว่ามีอุกกาบาตที่มีขนาดกว้างมากกว่า 1.2 กิโลเมตรพุ่งเข้าชนทะเลขนาดใหญ่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอียิปต์เมื่อหลายสิบล้านปีก่อนและผลักเนินทรายเข้ามา
Farouk El-Baz ผู้อำนวยการศูนย์รีโมทเซนซิ่งของมหาวิทยาลัยบอสตัน ตั้งชื่อหลุมอุกกาบาตวงแหวนซ้อนนี้ว่า เคบิร่า(Kebira) ซึ่งเป็นคำภาษาอารบิคแปลว่า ใหญ่ ชื่อนี้ยังหมายถึงตำแหน่งของหลุมซึ่งอยู่ในบริเวณ Gilf Kebir หลุมที่ทั้ง El-Baz และ Eman Ghoneim พบมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 31 กิโลเมตร El-Baz กล่าวว่า เคบิร่าอาจจะหลุดพ้นจากการสำรววจเนื่องจากขนาดที่ใหญ่ของมัน เทียบได้กับชานเมืองไคโรจากสนามบินทางตะวันออกเฉียงเหนือจนถึงปิรามิดแห่งกีซ่าซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้
เคบิร่าทำให้หลุมอุกกาบาตในอริโซน่าที่มีความกว้าง 1.2 กิโลเมตรกลายเป็นเล็กๆ ไปเลย เคบิร่ามีขนาดใหญ่กว่านั้น 25 เท่า ก้อนหินที่เจาะหลุมเคบิร่าก็ดูเหมือนจะใหญ่กว่าหลุมที่อริโซน่าด้วยซ้ำ สายลมและน้ำยังช่วยปิดบังรายละเอียดของหลุมไว้ Ghoneim กล่าวว่า ร่องรอยแม่น้ำโบราณ 2 สายผ่านทะลุหลุมจากทางตะวันออกและตะวันตก อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์สงสัยว่าจะมีการชนเกิดขึ้นในบริเวณนี้ก่อนจะพบเคบิร่า ชิ้นส่วนแก้วซิลิก้าสีเหลืองเขียวถูกพบกระจัดกระจายไปทั่วพื้นทะเลทราย ซึ่งเรียกว่า แก้วทะเลทราย(desert glass) บอกว่ามีการชนเกิดชึ้นในอดีต อุณหภูมิที่สูง(อย่างที่เกิดขึ้นจากการชนของดาวเคราะห์น้อย) จะเปลี่ยนทรายให้กลายเป็นแก้วซิลิก้า การตรวจสอบภาพจากดาวเทียมเผยให้เห็นหลุมนี้
เคบิร่าเป็นหลุมอุกกาบาตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบในทะเลทรายซาฮาร่า แต่ยังมีหลุมอีกอย่างน้อย 20 แห่งบนโลกที่มีขนาดใหญ่กว่า หลุมใหญ่ที่สุด 3 แห่งก็คือ หลุมซิคซูลุป(Chicxulub) ในคาบสมุทรยูคาทันของเมกซิโกมีความกว้าง 180 กิโลเมตร, หลุมซัดบิวรี่(Sudbury)ในออนตาริโอ แคนาดา มีความกว้าง 250 กิโลเมตร และหลุมยักษ์ Vredefort ในแอฟริกาใต้มีขนาด 300 กิโลเมตร

แหล่งข่าว
astronomy.com : uncover crater solves mystery
space.com : huge crater found in Egypt

ร้อนสุด ๆ หนาวสุด ๆ

ร้อนสุด ๆ หนาวสุด ๆ
          ในแต่ละพื้นที่บนโลกเรานี้ บางพื้นที่ก็เป็นเขตอบอุ่นบางพื้นที่ก็เป็นเขตร้อน บางพื้นที่ก็เป็นเขตหนาวเย็น ซึ่งความอบอุ่น ความร้อน หรือความหนาวเย็นของแต่ละพื้นที่ยังเปลี่ยนแปลงไปได้ตามกาลเวลาอีกด้วย 
         อุณหภูมิสูงสุด หรือร้อนที่สุดในโลกคือ 58 องศาเซลเซียส วัดได้เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ.4922 ที่เขตอัลอาซิซิยาห์ ในทะเลทรายซาฮารา ประเทศลิเบีย และที่ร้อนเกือบตับแตกพอกัน คือวัดได้ 56.7 องศาเซลเซียส เมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1913 ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา 
         บางคนอาจคิดว่า พื้นที่ที่มีอุณภูมิที่สูงที่สุดในโลกน่าจะเป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตร้อน หรือพื้นที่ที่อยู่บริเวณเส้นรุ้ง 23 องศาเหนือและใต้เส้นศูนย์สูตร แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะถึงแม้พื้นที่ในเขตนี้จะมีอากาศร้อนตลอดทั้งปีแต่ก็มีเมฆปกคลุมอยู่มากด้วย โอกาสฝนตกจึงยังมีมากพอที่จะช่วยให้อากาศไม่ร้อนเท่าในอีกบางพื้นที่ 
         อย่างเช่นในพื้นที่ทะเลทรายเขตร้อนนั้น ในช่วงกลางฤดูร้อน ดวงอาทิตย์จะขึ้นตรงหัว แถมฝนยังตกน้อยเมฆก็มีน้อยมาก เพราะฉะนั้นในเขตนี้จึงมีแสงแดดจัดจ้าและอากาศร้อนจัดตลอดวันทั้งปี 
         ทางเขตตะวันออกของทะเลทรายซาฮารา มีแสงแดดจัดจ้ามากกว่าทุกพื้นที่ในโลกนี้ จากที่เคยมีการบันทึกไว้ปรากฏว่าตลอดทั้งปีมีแสงอาทิตย์สาดส่องอยู่มากถึง 4,300 ชั่วโมง คิดเฉลี่ยแล้วในวันหนึ่งวันจะมีแสงอาทิตย์แผดกล้าอยู่นานถึง 11 ชั่วโมงกับอีก 47 นาที ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่อุณหภูมิสูงสุดของโลกจะวัดได้ที่ทะเลทรายซาฮาราแห่งนี้นี่เอง 
         ส่วนที่หุบเขามรณะ หรือเดดวัลเลย์ ซึ่งเป็นทะเลทรายในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกานั้น อุณหภูมิที่ขึ้นสูงถึง 50 องศาเซลเซียสในฤดูร้อน ก็ไม่ถือเป็นเรื่องแปลกเหมือนกัน เพราะนี่คืออุณหภูมิปกติของพื้นที่แห่งนี้ 
         ส่วนอุณหภูมิต่ำสุด หรือหนาวที่สุดในโลกนั้นบันทึกได้จากทวีปแอนตาร์กติกาทางซีกโลกใต้ เมื่อฤดูหนาวของเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1983 อุณหภูมิที่นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียวัดได้ขณะนั้นคือ -89.2 องศาเซลเซียสก่อนหน้าที่จะมีการก่อสร้างสถานีตรวจสอบสภาพอากาศที่มีเครื่องมือทันสมัยขึ้นในทวีปแอนตาร์กติกานั้นอุณหภูมิต่ำสุดในโลกที่วัดได้คือ -68 องศาเซลเซียส โดยวัดได้ที่เขตเวอรีโฮยานค์ สาธารณรัฐไซบีเรีย ประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย นอกจากนี้ เขตนี้ยังได้ว่าเป็นเขตที่มีช่วงต่างระหว่างอุณหภูมิต่ำสุดในโลกที่วัดได้คือ -68 องศาเซลเซียส โดยวัดได้ที่เขตเวอรีโฮยานค์ สาธารณรัฐไซบีเรีย ประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย นอกจากนี้ เขตนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นเขตที่มีช่วงต่างระหว่างอุณหภูมิร้อนและเย็นที่กว้างมากที่สุดในโลกด้วย คือมีตั้งแต่ฤดูหนาวที่เย็นจัดขนาด -68 องศาเซลเซียส จนถึงฤดูร้อนที่อุณหภูมิสูงถึง 36.7 องศาเซลเซียส
          ในแต่ละพื้นที่บนโลกเรานี้ บางพื้นที่ก็เป็นเขตอบอุ่นบางพื้นที่ก็เป็นเขตร้อน บางพื้นที่ก็เป็นเขตหนาวเย็น ซึ่งความอบอุ่น ความร้อน หรือความหนาวเย็นของแต่ละพื้นที่ยังเปลี่ยนแปลงไปได้ตามกาลเวลาอีกด้วย          อุณหภูมิสูงสุด หรือร้อนที่สุดในโลกคือ 58 องศาเซลเซียส วัดได้เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ.4922 ที่เขตอัลอาซิซิยาห์ ในทะเลทรายซาฮารา ประเทศลิเบีย และที่ร้อนเกือบตับแตกพอกัน คือวัดได้ 56.7 องศาเซลเซียส เมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1913 ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา 
         บางคนอาจคิดว่า พื้นที่ที่มีอุณภูมิที่สูงที่สุดในโลกน่าจะเป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตร้อน หรือพื้นที่ที่อยู่บริเวณเส้นรุ้ง 23 องศาเหนือและใต้เส้นศูนย์สูตร แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะถึงแม้พื้นที่ในเขตนี้จะมีอากาศร้อนตลอดทั้งปีแต่ก็มีเมฆปกคลุมอยู่มากด้วย โอกาสฝนตกจึงยังมีมากพอที่จะช่วยให้อากาศไม่ร้อนเท่าในอีกบางพื้นที่ 
         อย่างเช่นในพื้นที่ทะเลทรายเขตร้อนนั้น ในช่วงกลางฤดูร้อน ดวงอาทิตย์จะขึ้นตรงหัว แถมฝนยังตกน้อยเมฆก็มีน้อยมาก เพราะฉะนั้นในเขตนี้จึงมีแสงแดดจัดจ้าและอากาศร้อนจัดตลอดวันทั้งปี 
         ทางเขตตะวันออกของทะเลทรายซาฮารา มีแสงแดดจัดจ้ามากกว่าทุกพื้นที่ในโลกนี้ จากที่เคยมีการบันทึกไว้ปรากฏว่าตลอดทั้งปีมีแสงอาทิตย์สาดส่องอยู่มากถึง 4,300 ชั่วโมง คิดเฉลี่ยแล้วในวันหนึ่งวันจะมีแสงอาทิตย์แผดกล้าอยู่นานถึง 11 ชั่วโมงกับอีก 47 นาที ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่อุณหภูมิสูงสุดของโลกจะวัดได้ที่ทะเลทรายซาฮาราแห่งนี้นี่เอง 
         ส่วนที่หุบเขามรณะ หรือเดดวัลเลย์ ซึ่งเป็นทะเลทรายในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกานั้น อุณหภูมิที่ขึ้นสูงถึง 50 องศาเซลเซียสในฤดูร้อน ก็ไม่ถือเป็นเรื่องแปลกเหมือนกัน เพราะนี่คืออุณหภูมิปกติของพื้นที่แห่งนี้ 
         ส่วนอุณหภูมิต่ำสุด หรือหนาวที่สุดในโลกนั้นบันทึกได้จากทวีปแอนตาร์กติกาทางซีกโลกใต้ เมื่อฤดูหนาวของเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1983 อุณหภูมิที่นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียวัดได้ขณะนั้นคือ -89.2 องศาเซลเซียสก่อนหน้าที่จะมีการก่อสร้างสถานีตรวจสอบสภาพอากาศที่มีเครื่องมือทันสมัยขึ้นในทวีปแอนตาร์กติกานั้นอุณหภูมิต่ำสุดในโลกที่วัดได้คือ -68 องศาเซลเซียส โดยวัดได้ที่เขตเวอรีโฮยานค์ สาธารณรัฐไซบีเรีย ประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย นอกจากนี้ เขตนี้ยังได้ว่าเป็นเขตที่มีช่วงต่างระหว่างอุณหภูมิต่ำสุดในโลกที่วัดได้คือ -68 องศาเซลเซียส โดยวัดได้ที่เขตเวอรีโฮยานค์ สาธารณรัฐไซบีเรีย ประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย นอกจากนี้ เขตนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นเขตที่มีช่วงต่างระหว่างอุณหภูมิร้อนและเย็นที่กว้างมากที่สุดในโลกด้วย คือมีตั้งแต่ฤดูหนาวที่เย็นจัดขนาด -68 องศาเซลเซียส จนถึงฤดูร้อนที่อุณหภูมิสูงถึง 36.7 องศาเซลเซียส

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Plitvice falls

Plitvice falls (น้ำตกพลิทไวซ์ )แห่งนี้ถูกระบุว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่ใครๆ เห็นแล้วก็อยากไปเที่ยว ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทไวซ์ ของประเทศโครเอเชีย

โดยอุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทไวซ์นี้ได้จัดเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก(UNESCO) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979

อุทยาน แห่งชาติทะเลสาบพลิทไวซ์ : Plitvice Lakes National Park ตั้งอยู่ในดินแดนทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรป ในส่วนของประเทศโครเอเชีย(Croatia) แม่น้ำโครานา(Korana) ทำให้เกิดทะเลสาบ 20 แห่งไหลผ่านหินปูนและหินชอล์ก ระหว่างทะเลสาบมีน้ำตกหลายแห่งและชั้นหลากหลายทีชวนมหัศจรรย์ หนึ่งในป่าไม้ที่มีอายุมากรุ่นสุดท้ายในยุโรป ภูมิประเทศเป็นที่มหัศจรรย์บ่งบอกถึงสภาพความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ ทะเลสาบถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ ชั้นบนและชั้นล่าง

ธรรมชาติ ของอุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทไวซ์ เป็นสถานที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาอย่างมหัศจรรย์ให้สัมผัสที่แตกต่างจากที่ อื่นทั่วโลก นักท่องเที่ยวจึงให้ความสนใจเป็นอย่างมาก การสร้างสรรค์รูปร่างหน้าตาของที่พักและ ทึ่งกับความงามของพื้นที่มาจากของธรรมชาติเองที่มีความแตกต่างและกลมกลืน ของรูปร่างและสีสันในแต่ละฤดูกาล หลากหลายเงื่อนไขพื้นฐานร่วมกันของลักษณะธรรมชาติ

การเปลี่ยนของสภาพอากาศตามฤดูกาลระหว่างชายฝั่ง และเขตภาคพื้นทวีปมวลอากาศขนาดเล็กจำนวนมากทำให้เกิดฤดูร้อนแสนสบายและแสง แดด ขณะที่ส่วนอื่นยังคงเป็นฤดูหนาวต่อเนื่องไประยะยาวทั้งอากาศเย็นที่รุนแรง และหิมะจำนวนมาก มีพื้นที่ป่าไม้ที่กว้างใหญ่ซ้ำซ้อนในเขตพื้นที่อุทยาน บางส่วนของอุทยานถูกคุ้มครองเป็นพิเศษเป็นป่าสงวน พฤกษชาติถูกกำหนดเป็นลักษณะของป่ายุคแรกของโลก สถานที่และเงือนไขการความเป็นอยู่ที่หลากหลาย ทำให้เป็นไปได้ว่าจำนวนของชนิดของพืชและสัตว์น้ำและสัตว์บกในเขตพื้นที่ของ อุทยาน จะเจริญเติบโตต่อไปโดยไม่มีผลกระทบ



ขอบคุณข้อมูลจาก Voice TV
และ http://www.konplattin.com/webboard/bbs/redirect.php?tid=562&goto=lastpost

 






Plitvice Lakes Croatia Falls Wallpaper

ปฏิบัติการที่ 6 SQL

ปฏิบัติการที่ 6 SQL

h.   ตอบ    ให้เลือกแสดงฟิลด์รหัสนิสิต  ชื่อนิสิต  อาจารย์ที่ปรึกษา  ชั้น   และ  งานอดิเรก  จากตารางนักเรียน (Student) โดยมีเงื่อนไขคือ เป็นงานอดิเรกที่มีเป็นการอ่านหนังสือ
SELECT studentid, name, advisor, class, hobby
                                            FROM student
                                           WHERE hobby LIKE 'อ่านหนังสือ';




I.                                    ตอบ    ให้เลือกฟิลด์ทั้งหมดจากตารางรายวิชา (subject)
                         
                                         
                                          SELECT  subjectid, name, credit, book, teacher
                                        FROM subject;






   j.    ตอบ  ให้เลือกฟิลด์รหัสรายวิชา  ชื่อรายวิชา  และจำนวนหน่วยกิต จากตารางรายวิชา (subject)

                                                                SELECT  subjectid, name, credit
                                                                FROM subject;






k.   ตอบ    ให้เลือกฟิลด์รหัสรายวิชา  ชื่อรายวิชา  และจำนวนหน่วยกิต จากตารางรายวิชา (subject) โดยมีเงื่อนไขคือเป็นรายวิชา 104111”
                         SELECT  subjectid, name, credit
                                                                     FROM subject
                                                                     WHERE  subjectid = 104111;




o.    ตอบ  ให้เลือกแสดงฟิลด์รหัสนิสิต  ชื่อนิสิต  คะแนน  เกรด  และชื่อรายวิชา  จากตารางนักเรียน (student) การลงทะเบียน ( register ) และรายวิชา (subject) โดยมีเงื่อนไขคือ แสดงรหัสนิสิต และแสดงเฉพาะรายวิชาที่มีรหัส  104111 เท่านั้น

SELECT student.studentid, student.name, register.score, register.grade, subject.name
FROM register, student, subject
WHERE (register.studentid = student.studentid) and (register.subjectid = subject.subjectid and register.subjectid = 104111);


 p.   ตอบ   ให้เลือกแสดงฟิลด์ รหัสนิสิต  ชื่อนิสิต  คะแนน  เกรด  และชื่อรายวิชา  จากตารางนักเรียน(student) การลงทะเบียน(register) และรายวิชา (subject) โดยมีเงื่อนไขคือแสดงเฉพาะรายวิชารหัส 104111 เท่านั้น  และนิสิตที่อยู่ในชมรมภูมิศาสตร์เท่านั้น

SELECT student.studentid, student.name, register.score, register.grade, subject.name, student. club
FROM register, student, subject
WHERE (register.subjectid = subject.subjectid and student.club = 'ภูมิศาสตร์') and                                 (register.subjectid = 104111);


วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

แอนตาร์กติกา ดินแดนที่หนาวที่สุด

แอนตาร์กติกา ทวีปที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 รองจากเอเชีย แอฟริกา อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ แต่มีประชากรน้อยที่สุดในโลก หรือจริงๆ แล้ว ไม่มีพลเมืองอาศัยอยู่อย่างถาวร อาจเพราะ แอนตาร์กติกา เป็นทวีปที่มีระดับความสูงเฉลี่ยสูงที่สุด รวมถึงสภาพอากาศอันเย็นยะเยือก ความชื้นเฉลี่ยและอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำที่สุดในโลก
ทวีป แอนตาร์กติกา ตั้งอยู่ในเขตขั้วโลกใต้ ล้อมรอบด้วยมหาสมุทร อยู่ตรงข้ามกับเขตอาร์กติกซึ่งอยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือ เทือกเขาทรานส์แอนตาร์กติก ในทวีป แอนตาร์กติกา ถือว่าเป็นดินแดนที่มีอากาศหนาวเย็นที่สุดในโลก พื้นที่เกือบทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง และยังขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแล้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะไม่มีมนุษย์ตั้งรกรากอาศัยอยู่ มีเพียงสถานีวิจัยกระจายอยู่ และ เพนกวิน แมวน้ำ สาหร่าย ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตในแถบนั้น
คาบสมุทรแอนตาร์กติก
คาบสมุทรแอนตาร์กติก
คาบสมุทรแอนตาร์กติก
แอนตาร์กติกา ทวีปที่หนาวที่สุดในโลก
คาบสมุทรแอนตาร์กติก
คาบสมุทรแอนตาร์กติก
คาบสมุทรแอนตาร์กติก
แอนตาร์กติกา
คาบสมุทรแอนตาร์กติก
คาบสมุทรแอนตาร์กติก
แอนตาร์กติกา ทวีปที่หนาวที่สุดในโลก
คาบสมุทรแอนตาร์กติก
คาบสมุทรแอนตาร์กติก
คาบสมุทรแอนตาร์กติก
คาบสมุทรแอนตาร์กติก
แอนตาร์กติกา
คาบสมุทรแอนตาร์กติก
คาบสมุทรแอนตาร์กติก
คาบสมุทรแอนตาร์กติก
คาบสมุทรแอนตาร์กติก
คาบสมุทรแอนตาร์กติก
ภาพถ่ายจากดาวเทียมของทวีป แอนตาร์กติกา
ประมาณร้อยละ 98 ของ แอนตาร์กติกา ถูกปกคลุมด้วยแผ่นน้ำแข็ง ซึ่งหนาเฉลี่ย 1.6 กิโลเมตร น้ำแข็งทั้งหมดบนทวีปนี้ เทียบได้ราวร้อยละ 90 ของน้ำแข็งทั้งหมดบนโลก !!
ที่มา : geniusbeauty.com

Cano Cristales

แม่น้ำ คาโน คริสเทลส์ อยู่ที่เมือง La Macarena ประเทศโคลัมเบีย หรือจะเรียกกันอีกชื่อว่า แม่น้ำห้าสี ซึ่งเกิดจากสีสันของพืชใต้น้ำ อย่างสาหร่ายและนานามอสส์ พร้อมใจกันผลิบานเมื่อได้รับแสงแดดและน้ำอย่างเหมาะสม สะท้อนเรืองรองผ่านผืนน้ำ ถือเป็นความงดงามอันเหลือเชื่อ จนต้องยกให้ Cano Cristales เป็น แม่น้ำที่สวยที่สุดในโลก

คาโน คริสเทลส์ แม่น้ำที่สวยที่สุดในโลก

คาโน คริสเทลส์ แม่น้ำที่สวยที่สุดในโลก
แม่น้ำที่สวยที่สุดในโลก แห่งนี้ มีระยะทางยาวประมาณ 100 กิโลเมตร สีสันซึ่งสร้างความประทับใจต่างกันออกไปนั้น ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและสภาพอากาศ ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและผลิบานของพืชใต้น้ำ
สาหร่ายบวกมอสส์สะท้อนน้ำ เทคนิคหลักในการสร้าง แม่น้ำที่สวยที่สุดในโลก
แม่น้ำที่สวยที่สุดในโลก
ธรรมชาติบันดาลอีกแล้ว Cano Cristales แม่น้ำที่สวยที่สุดในโลก !
ที่มา : www.wayfaring.info เรียบเรียง : travel.mthai.com

เครื่องบินพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Impulse HB SIA

Solar Impulse HB SIA นกเหล็กซึ่งทำลายสถิติโลก สำหรับการเดินทางระยะไกลที่สุดโดย เครื่องบินพลังงานแสงอาทิตย์ โครงสร้างน้ำหนักเฉลี่ยเท่ากับรถยนต์หนึ่งคัน พร้อมปีกกางผงาด 63.4 เมตร ด้วยเครื่องยนต์ขนาดบางและเล็ก กำลังขับเคลื่อน 10 แรงม้า จ่ายกระแสไฟเข้ามอเตอร์ด้วยแผงโซลาร์ 11,628 ชิ้น เดินทางได้ระยะทางทั้งสิ้น 3,700 ไมล์

 เครื่องบินพลังงานแสงอาทิตย์

เครื่องบินพลังแสงอาทิตย์
ระบบขนส่งแบบ เครื่องบินพลังงานแสงอาทิตย์ ลำนี้ ถือเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพทั้งการใช้งาน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และช่วยประหยัดพลังงาน ผลจากการคิดค้นประดิษฐ์เครื่องร่อนโดยนำวิธีทางกลศาสตร์ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของอากาศและก๊าซเข้ามาเป็นตัวช่วย นอกจากนี้ภายใน เครื่องบินพลังงานแสงอาทิตย์ ยังมีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหญ่สำรองไว้ยามเกิดกรณีฉุกเฉิน
เครื่องบินพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Impulse HB SIA
solar airplane เครื่องบินพลังแสงอาทิตย์
เครื่องบินพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Impulse HB SIA นกเหล็กที่บินได้ไกลที่สุดในโลก
ที่มา : www.thecoolist.com เรียบเรียง : travel.mthai.com

ภูเขาไฟดาลลอล

ภูเขาไฟดาลลอล สถานที่(ไม่ควร)เที่ยว

หนึ่งในสถานที่ต้องห้าม ภูเขาไฟดาลลอล” (Dallol Volcano) ดินแดนแห่งความตายที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น 1 ใน 10 สถานที่ในโลกที่คุณไม่ควรไป แต่เป็นธรรมดามนุษย์ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ยิ่งอยากรู้ยิ่งแสวงหา
ปล่องภูเขาไฟ “ดาลลอล” อันลือชื่อ ตั้งอยู่ในแอ่งดานาคิล (Danakil Depression) แอ่งรูปพัดกว้างใหญ่ที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 50° เซลเซียส อยู่ในทะเลทรายดานาคิล (Danakil Desert) ทะเลทรายที่อยู่ในเขตพื้นของสามเหลี่ยมอะฟาร์ (Afar Triangle) ประเทศเอธิโอเปีย
จุดที่ลึกที่สุดในทะเลทรายดานาคิลคือ แอ่งดานาคิล มีความลึกประมาณ 100 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งอุตสาหกรรมหลักๆ ในเขตทะเลทรายดานาคิลแห่งนี้ คือ การทำเหมืองเกลืออันมีชื่อเสียงที่ยังใช้การขนส่งโดยคาราวานอูฐเท่านั้น
……………………………………………..
ภูเขาไฟดาลลอล สถานที่(ไม่ควร)เที่ยว
ที่มา : http://www.fwdder.com/topic/374952